Skip to main content

(6) Spittelau จุดบรรจบของศิลปะกับพลังงานไฟฟ้าจากเตาเผาขยะใจกลางเมืองเวียนนา

บทความนี้ค่อนข้างใช้เวลานานในการรวบรวมข้อมูลแต่เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่ต้องการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะในครัวเรือนของชาวเมืองเวียนนาจนถึงการผลิตไฟฟ้าจากขยะเหล่านั้น โดยมีโรงไฟฟ้า Spittelau หรือ เตาเผาขยะ Spittelau เป็นพระเอก ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะความงามที่บรรจงสร้างสรรค์จากศิลปินเอกอีกคนหนึ่งของเวียนนาที่ชื่อ Friedensreich Hundertwasser จนทำให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้กลายเป็นจุดดึงดูดผู้คนและสร้างความกลมกลืนกับสถาปัตยกรรมของเมืองเวียนนาได้อย่างลงตัว โดยไม่มีบรรยากาศของความกังวลต่อมลภาวะจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากผู้คนไว้วางใจในเทคโนโลยีและการจัดการขยะของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ อีกทั้งรูปลักษณ์ที่ดูจากภายนอกแล้ว แทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือ โรงไฟฟ้า ดูเหมือนหอศิลป์ซะมากกว่า เพราะลวดลายและสีสันสดใสทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเป็นมิตรต่อทั้งผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบและที่สัณจรผ่านไปมาในพื้นที่เขต 9 และเนื่องจากตั้งอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าสายหลัก ทำให้สถานีรถไฟฟ้านี้มีชื่อว่า Spittelau ตามชื่อโรงไฟฟ้าไปโดยปริยาย

ทางออกจากสถานีรถไฟฟ้า Spittelau จะเห็นโรงไฟฟ้าแบบใกล้ชิด

ทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้า Spittelau กับสถานีรถไฟฟ้าเส้นชานเมือง
มาเริ่มต้นที่ระบบไฟฟ้าของออสเตรียกันก่อนก็แล้วกัน เนื่องจากออสเตรียเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีพื้นที่เพียง 83,879 ตร.กม. เล็กกว่าประเทศไทยถึง 6 เท่า และมีประชากรเพียง 8,700,471 คน (ปัจจุบัน ประเทศไทยมีประชากร 65.72 ล้านคน ข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2559) แบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด Burgenland, Carinthia, Lower Austria, Upper Austria, Salzburg, Styria, Tyrol, Vorarlberg และ มี Vienna เป็นเมืองหลวง โดยแต่ละจังหวัดจะมีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน Vienna มีพื้นที่เล็กที่สุดเพียง 414.65 ตร.กม. แต่มีประชากรมากเป็นอันดับ 1 คือ 1,840,226 (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2559) และด้วยภูมิประเทศที่ห้อมล้อมด้วยภูเขา มีพื้นที่ราบ และมีแม่น้ำดานูบไหลผ่าน ทำให้ออสเตรียมีศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนที่หลากหลาย ประกอบกับการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสมาชิกสหภาพยุโรป ทำให้การพัฒนาด้านพลังงานมีความก้าวหน้าทัดเทียมกัน มีการค้าขายพลังงานระหว่างประเทศสมาชิกผ่านระบบส่งไฟฟ้าระหว่างประเทศ ดังนั้น ประเทศเล็กๆ อย่างออสเตรียจึงมีรายได้ส่วนนึงจากการส่งออกพลังงานให้กับประเทศสมาชิก ในทางกลับกันออสเตรียก็เป็นผู้นำเข้าพลังงานเช่นกัน เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีศักยภาพในการผลิตและความต้องการไฟฟ้าที่ต่างกัน เช่น Lower Austria และ Upper Austria เป็นย่านอุตสาหกรรมหนัก ทำให้มีความต้องการไฟฟ้าและพลังงานอื่นๆ ในกระบวนการผลิตสูงกว่าจังหวัดอื่นๆ เป็นต้น แต่โดยรวมแล้วออสเตรียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความมั่นคงด้านพลังงานสูง

ในส่วนของระบบการค้าพลังงานไฟฟ้าของออสเตรียนั้น เปิดให้มีการแข่งขันทั้งในฝั่งผู้ผลิตไฟฟ้าและผู้ขายไฟฟ้า โดยมีการกำกับดูแลในส่วนของระบบส่งและศูนย์ควบคุมภายใต้มาตรฐานเดียวกันกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้า ผู้ผลิต และผู้ขาย เกิดความเชื่อมั่นในระบบดังกล่าว ทั้งนี้ สามารถค้นหาข้อมูลการลงทุน การให้บริการ และข้อมูลอื่นๆ ได้จากเว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแล https://www.e-control.at/web/website

ที่มา http://www.statistik.at/web_en/statistics/EnergyEnvironmentInnovationMobility/energy_environment/energy/energy_balances/index.html
มาต่อกันที่การจัดการขยะในครัวเรือนของชาวเมืองเวียนนาและการจัดการขยะของโรงไฟฟ้า Spittelau ผู้เขียนเริ่มสอบถามจากคนใกล้ตัว (สามีซึ่งเป็นคนออสเตรียและอาศัยในเวียนนา) ว่า คุณเริ่มจัดการขยะในครัวเรือนอย่างไร คำตอบที่ได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะเค้าเรียนรู้จากพ่อแม่ตั้งแต่เด็กว่าต้องแยกขยะตั้งแต่ในบ้าน และต้องทิ้งขยะให้ถูกต้องตามสัญลักษณ์ที่กำหนด และนี่คือสิ่งใหม่ที่ผู้เขียนต้องปรับตัวในระยะแรกของการอยู่อาศัยในเวียนนา

ซ้ายมือคือ ถังขยะสำหรับพลาสติก ขวามือคือ ถังขยะสำหรับขยะเปียกหรือขยะทั่วไปที่นำมาใช้ใหม่ไม่ได้

ซ้ายมือคือ ถังขยะสำหรับขวดแก้ว กลางคือ ถังขยะสำหรับกระป๋อง และขวามือคือ ถังขยะสำหรับกระดาษ

ทั้งหมดนี้คือ การแยกขยะภายในครัวเรือน ประกอบด้วยถังขยะ 5 ประเภท ได้แก่ พลาสติก แก้ว โลหะ(กระป๋อง) กระดาษ และขยะเปียกหรือขยะทั่วไป เมื่อต้องการทิ้งขยะก็ต้องนำออกไปทิ้ง ณ จุดที่กำหนด ซึ่งจุดทิ้งขยะแต่ละประเภทอาจจะอยู่แยกกัน หรืออยู่จุดเดียวกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละเขตพื้นที่
ซ้ายสุดคือ จุดรับบริจาคเสื้อผ้าสำหรับคนไร้บ้าน ถัดมาคือจุดรวบรวมขวดแก้ว ตรงกลางคือจุดรวบรวมพลาสติก และขวาสุดคือจุดรวบรวมกระดาษ

ขวาสุดคือ จุดรวบรวมกระดาษ (ถ่ายคนละตำแห่งกับภาพด้านบนแต่เป็นจุดรวบรวมขยะจุดเดียวกัน)
ถังขยะบริเวณสถานีรถไฟฟ้า
ช่องซ้ายบน (สีเทา) สำหรับขยะทั่วไป หรือขยะอื่นๆ
ช่องขวาบน (สีเหลือง) สำหรับพลาสติก
ช่องซ้ายล่าง (สีแดง) สำหรับกระดาษ
ช่องขวาล่าง (สีน้ำเงิน) สำหรับโลหะ กระป๋อง
ในส่วนของรถเก็บขยะนั้นมีการแยกเก็บตามจุดรวมขยะแต่ละประเภทขยะจึงไม่ปะปนกัน ขยะที่รีไซเคิลได้จะถูกส่งไปยังโรงรีไซเคิลขยะ ส่วนขยะทั่วไปจะถูกส่งไปเผายังโรงผลิตไฟฟ้า

กรณีของโรงไฟฟ้า Spittelau สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1969-1971 สามารถเผาขยะทั่วไปจากครัวเรือนได้ 250,000 ตันต่อปี โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 40 GWh (บริการประชาชนมากกว่า 16,000 ครัวเรือน ต่อปี) ผลิตความร้อนได้ 470 GWh  ต่อปี (บริการประชาชนมากกว่า 60,000 ครัวเรือน ต่อปี) ผลิตเหล็กได้ 6,000 ตัน ต่อปี และผลิตเถ้า (ash) และฟิลเตอร์เค้ก (filter cake) ได้ 60,000 ตัน ต่อปี 

จนกระทั่งปี ค.ศ. 1987 เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้เตาเผาขยะ พื้นที่ส่วนใหญ่ของเตาเผาขยะเสียหาย ทำให้เกิดการปรับปรุงครั้งใหญ่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอาคารสวยงามด้วยศิลปะจาก Friedensreich Hundertwasser 

หลังจากเดินเครื่องเตาเผาขยะได้ 40 ปี ในปี ค.ศ. 2012-2015 จึงมีการปรับปรุงอุปกรณ์ให้มีความทันสมัย ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง 400 MW ผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ย 120 GWh ต่อปี (บริการประชาชน 50,000 ครัวเรือน ต่อปี) ผลิตความร้อนได้ 500 GWh ต่อปี อีกทั้งสามารถผลิตความเย็น และมีระบบติดตามมลภาวะแบบ Realtime ให้ประชาชนได้ติดตามอีกด้วย อนึ่ง โรงไฟฟ้าขยะ หรือเตาเผาขยะ แบบเดียวกันนี้ (ภายใต้การดูแลของบริษัทผลิตไฟฟ้า Wein Energy) มีจำนวน 4 แห่งด้วยกัน กระจายอยู่ทั่วเวียนนา

กระบวนการผลิตความร้อนและไฟฟ้า รวมถึงการกำจัดของเสียจากการเผาขยะของเตาเผาขยะ Spittelau
http://www.wienenergie.at/eportal3/ep/channelView.do?channelId=-49106
สำหรับผลงานศิลปะของโรงไฟฟ้า Spittelau เป็นหนึ่งในผลงานของ Friedensreich Hundertwasser จาก 34 ผลงานชิ้นเอก ประกอบด้วย

1) Hundertwasser-KrawinaHaus Wien 1979-1986
2) Rosenthal-Fabrik Selb (D) 1980-1982
3) Rupertinum Salzburg 1980-1987
4) Mierka Getreidesilo Krems 1982-1983
5) St. Barbara Kirche Bärnbach 1987-1988
6) Dorfmuseum Roiten 1987-1988
7) Textilfabrik Rueff Muntlix 1988
8) Kindertagesstätte Heddernheim (D) 1988-1995
9) Fernwärme Wien/Spittelau 1988-1997
10) Autobahnraststätte Bad Fischau 1989-1990
11) KunstHausWien 1989-1991
12) Village beim Hundertwasser-KrawinaHaus Wien 1990-1991
13) "In den Wiesen" Bad Soden (D) 1990-1993
14) "Wohnen unterm Regenturm" Plochingen am Neckar (D) 1991-1994
15) Countdown 21st Century Monument for TBS Tokyo (J) 1992
16) Brunnenanlage Zwettl 1992-1994
17) Pavillon beim DDSG Ponton Wien 1992-1994
18) Quixote Winery Napa Valley (USA) 1992-1999
19) SpiralflussHandTrinkbrunnen I Linz 1993-1994
20) Krankenstation (Onkologie) Graz 1993-1994
21) Thermendorf Blumau 1993-1997
22) SpiralflussTrinkbrunnen II Tel Aviv (IL) 1994-1996
23) Kid´s Plaza Osaka (J) 1996-1997
24) Martin Luther Gymnasium Wittenberg (D) 1997-1999
25) Maishima Incineration Plant Osaka (J) 1997-2000
26) Waldspirale Darmstadt (D) 1998-2000
27) Markthalle Altenrhein (CH) 1998-2001
28) Öffentliche Toilette Kawakawa (NZ) 1999
29) Hundertwasser Umweltbahnhof Uelzen (D) 1999-2001
30) Maishima Sludge Center Osaka (J) 2000-2004
31) Grüne Zitadelle Magdeburg (D) 2003-2005
32) Ronald McDonald Wohnheim Essen (D) 2004-2005
33) Regenbogenspirale von Valkenburg an der Greul (NL) 2006-2007
34) Kuchlbauer Turm (D) 2007-2010

ใครสนใจงานศิปะของ Friedensreich Hundertwasser สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hundertwasserhaus.info/ ตบท้ายด้วยผลงานศิลปะรอบโรงไฟฟ้า Spittelau ^_^ 








หวังว่าเรื่องราวที่เอามาฝากจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจงานด้านนี้ เนื้อหาอาจจะหนักไปหน่อย ไม่ว่ากันนะ สวัสดี ไว้เจอกันใหม่

Mrs.Envi1980




















Comments

Popular posts from this blog

(3) Talad Thai ตลาดไทยในเวียนนา

ในที่สุดก็มีเวลามานั่งเขียนอีกครั้ง หลังจากช็อคกับคอร์สเรียนภาษาเยอรมันหลักสูตรเร่งรัดของที่นี่ (ครูสอนเป็นภาษาเยอรมัน หนังสือเรียนเป็นภาษาเยอรมัน แต่ถ้าสื่อสารกันไม่ได้แล้วครูจะอนุญาตให้พูดภาษาอังกฤษได้) วันนี้เป็นวันสุดท้ายของคอร์สแรก และเริ่มเรียนคอร์สต่อไปวันจันทร์ คราวนี้ดีหน่อยเราจองเวลาเรียนใหม่เป็นช่วงบ่ายสามถึงหกโมงเย็น ไม่ต้องเรียนรอบค่ำแล้ว เย้! แต่สิ่งที่เศร้าคือ เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาต้องแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตัวเองก่อน แล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ ส่วนเรามีเวลาไม่มากนักเลยเริ่มเรียนก่อนคนอื่น แต่ยังไงซะเราก็ยังติดต่อกันอยู่ และแน่นอนว่าเราจะได้เจอกันอีก อยากรู้มั๊ยว่าทำไมพวกเราถึงมาเรียนภาษาเยอรมันที่นี่! หลายคนคงรู้คำตอบบ้างแล้ว มันเป็นละครชีวิต และมีหลากหลายเรื่องราว เมื่อคืนเราได้คำตอบที่ชัดเจนหลังจากได้โอกาสออกไปดื่มหลังเลิกเรียนกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน (น่าเสียดายที่เพื่อนบางคนถอนใจเลิกเริียนกลางคัน ทำให้วันนี้ขาดสมาชิกไป 2 คน เหลือแค่ 7 คน; จีน 1ญ, ไทย 1ญ, ออสเตรเลีย 1ช, อิตาลี 1ญ 2ช, และแอลเบเนีย 1ช) ให้กับตัวเองในคำถามนั้น "พวกเรามาที่นี่เพื่อหาโอกาสในการทำงาน...

(2) Fresh markets in Vienna! สำรวจตลาดสดในเวียนนา!

ครั้งนี้ เราจะพาเที่ยวตลาดสดในเวียนนา แต่ขอออกตัวก่อนนะว่า ยังไปไม่กี่ที่เลย เนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้าหนาว ตลาดสดจึงไม่ค่อยครึกครื้นเท่าไหร่นัก จุดเด่นของตลาดสดที่นี่ (ความเห็นจากคนใกล้ตัว) คือ ราคาถูกกว่าในซุปเปอร์มาเก็ต แต่คุณภาพไม่ต่างกัน และบางอย่างมีความสดใหม่มากกว่าด้วยซ้ำถ้าไปจับจ่ายซื้อของถูกเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ ช่วงเช้าวันเสาร์ เนื่องจากเกษตรกรจะนำสินค้ามาส่งขายในตลาดในวันดังกล่าว และแน่นอนว่าวันเสาร์เป็นวันที่ตลาดคึกคักที่สุด ความน่าสนใจของตลาดสดในเวียนนาในความเห็นของเราคือ ความหลากหลายของสินค้าตามเชื้อชาติ เนื่องจากเวียนนาเป็นเมืองหลวงที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ อาทิ ตุรกี แอฟริกัน จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น และไทย เป็นต้น ชาวตุรกีตั้งรกรากที่นี่มานานนับร้อยปี (ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ยุโรป ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อนนะแล้วค่อยเอามาเล่าให้ฟัง) ส่วนชาวแอฟริกันเข้ามาทำงานและตั้งรกรากในยุกต์บุกเบิกด้านอุตสาหกรรมในยุโรปซึ่งช่วงนั้นออสเตรียมีแรงงานน้อยจึงต้องการแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ในส่วนของชาวจีน เวียนดนาม ญี่ปุ่น และไทย นั้น เราเดาจากจำนวนร้านอาหารเอเชียที่มีอยู่ท...

(10) สินค้าอะไรที่หาซื้อง่ายและมีตู้อัตโนมัติบริการเกือบทุกซอกซอยในเวียนนา เฉลย "บุหรี่" นั่นเอง

หลังจากห่างหายกันไปนานแรมปี มาเริ่มต้นบทความแรกของปี 2018 ด้วยบุหรี่กันเถอะ ทำไมต้องเป็นหัวข้อนี้ ก็เพราะตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรก สิ่งที่เหมือนเดิมคือ รสนิยมการสูบบุรี่ของชาวออสเตรียในเวียนนาที่มากี่ครั้งก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้ จึงอยากนำมาเล่า จะได้ไม่ตกใจกันเวลามาเที่ยวที่นี่ แต่ก็อาจจะถูกจริตกับสิงห์อมควันบ้านเราก็เป็นได้ (ปล. ผู้เขียนไม่มีเจตนาที่จะส่งเสริม หรือสนับสนุนการสูบบุหรี่แต่อย่างใด) ความประทับใจเกี่ยวกับรสนิยมการสูบบุหรี่ของหนุ่มสาวออสเตรียนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกในการเดินทางมาเวียนนา เพราะคนใกล้ตัว (สามีและเพื่อนออสเตรีย) เกือบ 99% สูบบุหรี่ เพราะฉะนั้น เมื่ออยู่ที่นี่ไปซักพัก สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นสิ่งที่คุ้นตาและพบได้ทั่วไป แม้กระทั่งในร้านอาหาร ทั้งนี้ การสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ หรือดื่มไวน์ เบียร์ ล้วนเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวยุโรป ที่ตกทอดกันมาจนถึงปัจจุบันและแผ่ขยายไปในหลายประเทศ ดังนั้น ใครที่ไม่ชอบกลิ่นบุรี่ก็ต้องสำรวจพื้นที่กันก่อนว่า ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ นั้นๆ มีจัดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่หรือไม่ ขอเน้นไปที่ร้านท้องถิ่นนะ เพราะถ้าเป็นร้านที่ให้บริการนักท่องเที่ยว ส่...