กลับมาแล้วค่ะทุกท่าน จริงๆ แล้วอยากกลับมาเขียนนานแล้วแต่ด้วยสภาพจิตใจที่ค่อนข้างอ่อนไหวเพราะพิษของการรอคอยมันทรงพลังเหลือเกินนั่นเอง แต่นับจากนี้เราพร้อมแล้วที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ๆ ในอนาคต นั่นก็เพราะช่วงเวลาของการรอคอยกำลังจะยุติลงเสียที อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่เราจมกับความสับสนและกระวนกระวายกับเอกสารต่างๆ นั้น มันเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่อีกช่วงหนึ่งของชีวิตอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความรักจากครอบครัว สามี และเพื่อน ช่วยฉุดเราจากพะวงนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรักและกำลังใจที่เรามีให้กับตัวเอง มันเป็นพลังเงียบที่ทรงพลังมากที่สุด บางคนแพ้ความคิดของตัวเองและเลือกที่จะจบมันอย่างเงียบๆ คนเดียว แต่อีกหลายคนก็ผ่านพ้นมันมาได้และมีพลังงานเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ในเมื่อเราผ่านมันมาได้ เราก็อยากส่งกำลังใจให้เพื่อนๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการรอคอยให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้เช่นกัน
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะงงว่า "แล้วเธอกำลังรออะไรอยู่เหรอ อยากรู้" ขอบอกอย่างไม่อายว่ารอเอกสารขอมีถิ่นอยู่อาศัยในประเทศออสเตรียหลังจากแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นคนออสเตรีย แต่ละขั้นตอนตั้งแต่จดทะเบียนจนถึงขอมีถิ่นที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายนั้น ใช้เวลาประมาณ 1 ปีกว่า บางคนอาจจะคิดว่า ทำไมนานจัง? คนอื่นก็ใช้เวลาประมาณนี้แหละ! จะยังไงก็แล้วแต่ สำหรับเราแล้วมันผิดแผนมากๆ เพราะทุกขั้นตอนใช้เวลาในการพิจารณา และไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ทำได้แค่คอยติดตามโดยการโทรสอบถามเป็นระยะ มันเป็นอะไรที่ทรมานใจเรากับสามีมากเพราะหลังจากจดทะเบียนสมรสเราก็ต้องแยกกัน สามีต้องเดินเอกสารให้เราจากออสเตรีย และส่งต่อมาให้เราเดินเอกสารต่อที่ประเทศไทย อยากบอกคู่รักต่างชาติที่กำลังตัดสินใจแต่งงานว่า อย่าลืมคำนึงถึงขั้นตอนทางกฎหมายให้ครบถ้วน และสอบถามขั้นตอนการดำเนินการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแต่ละประเทศจะมีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน อีกทั้งในระดับเขตการปกครองของประเทศเดียวกันยังมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันอีกด้วย ประมาณว่า ไม่มีใครเป็นกรณีศึกษาของใครได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณและคู่ของคุณเท่านั้นที่ต้องค้นคว้าหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด ตลอดจนเตรียมสภาพจิตใจเกี่ยวกับการรอคอยในแต่ละขั้นตอน และเตรียมทุนไว้ให้พร้อมเพราะทุกขั้นตอนใช้เงินไม่น้อยเลย
เอาเป็นว่า อย่าไปกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ใครมีข้อมูลสำหรับเตรียมความพร้อมมากกว่าย่อมได้เปรียบ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เป็นคนที่ได้เปรียบในครั้งนี้ แต่ประสบการณ์ที่ได้รับมันทำให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า ในอนาคตเราต้องเตรียมตัวอย่างไร เพราะเรื่องราวของเอกสารจะไม่จบแค่นี้แน่นอน และจะไม่ใช่เอกสารของเราคนเดียวอีกต่อไปหากคุณมีลูก หย่าร้าง หรือ มีการสูญเสียเกิดขึ้น อะไรก็เกิดขึ้นได้กับชีวิตคนคนนึง บนโลกกลมๆ ใบนี้
มาเริ่มที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเอกสารในขั้นตอนการจดทะเบียนจนถึงขอมีถิ่นที่อยู่อาศัย
1. การจดทะเบียนสมรส
- "อำเภอ" ขอแนะนำให้ตกลงกันระหว่างคู่ของคุณก่อนว่าหลังจากแต่งงานแล้วจะอยู่ที่ไหนเพราะ บางประเทศไม่รับรองการจดทะเบียนที่ไทย บางประเทศรับรองและสามารถดำเนินการด้านเอกสารต่อได้ในประเทศปลายทาง อย่างไรก็ตามเอกสารสำหรับจดทะเบียนกับต่างชาติไม่ว่าจะจดทะเบียนในประเทศไทย หรือ ต่างประเทศก็คือ ใบรับรองความเป็นโสด, ใบแจ้งเกิด (ฉบับจริง ถ้าไม่มีต้องขอคัดสำเนาที่อำเภอ), สำเนาทะเบียนบ้าน (แนะนำให้คัดจากอำเภอเพราะบางสถานฑูตไม่รับฉบับถ่ายเอกสาร), สำเนาหนังสือเดินทาง (ดำเนินการที่กรมกงศุล) และแบบคำร้องขอจดทะเบียน (แต่งที่ประเทศไหนก็ขอแบบคำร้องจากอำเภอในประเทศนั้น กรณีจดทะเบียนที่ประเทศไทยจะจดทะเบียนที่อำเภอไหนก็ได้ แต่สำหรับต่างประเทศกำหนดให้ขอแบบคำร้องจากอำเภอที่มีที่อยู่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน)
- "กรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ" เอกสารทุกอย่างที่ออกโดยหน่วยงานไทยและต้องการนำไปใช้ในต่างประเทศต้องผ่านการรับรองจากกรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ เช่นเดียวกับเอกสารจากต่างประเทศจะนำมาใช้ในประเทศไทยได้นั้นต้องให้กระทรวงต่างประเทศของประเทศนั้นๆ รับรองก่อน
- "สถานฑูต" สถานฑูตไทยประจำประเทศต้นทางเอกสาร หรือ สถานฑูตต่างประเทศต้นทางเอกสารประจำประเทศไทย จะเป็นหน่วยงานรับรองอีกครั้งต่อจากกรมกงศุล โดยมีข้อควรพึงระวังในกรณีที่เอกสารนั้นไม่ใช่ภาษาราชการของประเทศปลายทางที่ต้องการยื่นเอกสาร ต้องนำไปแปลเป็นภาษาราชการของประเทศนั้นๆ โดยนักแปลที่ได้รับอนุญาตจากสถานฑูต ทั้งนี้ บางประเทศยินยอมให้เจ้าของเอกสารทำการแปลด้วยตัวเองได้ แต่แนะนำให้ใช้บริการนักแปลจะดีกว่าเพราะระเบียบ กติกา มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณอาจจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์และมีความเสี่ยงในความถูกต้องของเอกสารนั้น
2. การขอมีถิ่นที่อยู่อาศัย หลังจดทะเบียนสมรสแล้ว
- ขอคำร้องจาก "อำเภอ" ที่ประเทศที่ท่านต้องการจะไปอยู่ ซึ่งเราได้เน้นแล้วว่า ให้ตกลงตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนสมรส หากท่านต้องการอยู่ที่ไหนหลังแต่งงานก็แนะนำให้จดทะเบียนที่นั่น และขอแบบคำร้องขอมีถิ่นที่อยู่อาศัย ณ อำเภอที่คู่ของท่านอาศัยอยู่ ทั้งนี้เอกสารแนบแบบคำขอเข้าใจว่ามีความแตกต่างกันอย่างแน่นอนสำหรับแต่ละประเทศ แต่สิ่งที่สำคัญที่ต้องใช้อย่างแน่นอนก็คือ เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น หลังจากได้ใบทะเบียนสมรสที่ผ่านการรับรองจากกรมกงศุลและสถานฑูตแล้ว ท่านต้องแจ้งขอเปลี่ยนแปลงสถานะครอบครัว ณ อำเภอที่ท่านมีชื่อในทะเบียนบ้าน เพื่อทำการแก้ไขข้อมูลในระบบทะเบียนราษฎร์ เช่น แต่งงานแล้วกับนายX ที่ประเทศY วันที่*** และมีความประสงค์ขอใช้คำนำหน้านาง, ขอจดชื่อกลาง และคงนามสกุลเดิม, ขอเปลี่ยนชื่อนามสกุล, ขอแก้ไขชื่อและนามสกุลในทะเบียนบ้าน และขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่
- จากนั้นก็นำเอกสารไปรับรองที่ "กรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ" และขอทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ และยื่นคำร้องขอมีถิ่นที่อยู่อาศัยที่ "สถานฑูต" พร้อมทั้งขอรับรองเอกสารตามรายการในแบบคำขอนั้น
- สำหรับผู้ที่ยื่นขอมีถิ่นที่อยู่อาศัยแบบสามารถทำงานได้ในคราวเดียวกัน ท่านต้องไปขอใบรับรองความประพฤติจาก "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ทั้งนี้ เมื่อได้รับเอกสารแล้วต้องนำไปรับรองเอกสารที่ "กรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ" และ "สถานฑูต" ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีเอกสารประกันชีวิตแบบสากล และเอกสารของคู่สมรส เช่น เอกสารรับรองการทำงาน, ประวัติเงินเดือน, เอกสารแสดงที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน เป็นต้น
3. ของฝากจากกรมกงศุล
เนื่องจากเราได้ไปติดต่อทำพาสปอร์ตที่กรมกงศุล จ.สงขลา เห็นข้อมูลติดบอร์ดน่าสนใจ เลยถ่ายรูปมาฝาก :) ของฝากอีกอย่างก็คือ แอฟพลิเคชั่น ThaiConsular เป็นแอฟพลิเคชั่นที่จัดทำโดยกรมกงศุล แนะนำว่าโหลดติดมือถือไว้เถอะ อุ่นใจมากเวลาเดินทาง เพราะมีข้อมูลข่าวสารและช่องทางติดต่อสถานฑูตหากเกิดเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำพาสปอร์ต การรับรองเอกสารในกรณีต่างๆ การมอบอำนาจ และอีกมากมายที่เป็นประโยชน์กับทุกคนที่อยู่ต่างแดน
จะเห็นได้ว่าขั้นตอนต่างๆ นี้ค่อนข้างซับซ้อนเพราะแต่ละประเทศมีข้อตกลงในขั้นตอนวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกัน แต่ก็มีข้อปฏิบัติร่วมกันระหว่างประเทศ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลและสอบถามข้อมูลด้วยตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อีกทั้งการศึกษาภาษาราชการของประเทศที่เราจะไปอยู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเริ่มต้นใช้ชีวิตในต่างประเทศ อยากให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตในต่างถิ่น ต่างแดน ต่างภาษาและวัฒนธรรม แต่ถ้าเราสามารถทะลายกำแพงภาษาลงได้ ความแตกต่างนั้นจะเป็นการเปิดโอกาสให้ท่านได้ใช้ชีวิตในอนาคต ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ
Comments
Post a Comment