Skip to main content

(9) เพราะความรักและความคิดถึง ฉันจึงเข้มแข็ง "แนะนำการยื่นคำขอจดทะเบียนสมรสและการรับรองเอกสาร"


กลับมาแล้วค่ะทุกท่าน จริงๆ แล้วอยากกลับมาเขียนนานแล้วแต่ด้วยสภาพจิตใจที่ค่อนข้างอ่อนไหวเพราะพิษของการรอคอยมันทรงพลังเหลือเกินนั่นเอง แต่นับจากนี้เราพร้อมแล้วที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ๆ ในอนาคต นั่นก็เพราะช่วงเวลาของการรอคอยกำลังจะยุติลงเสียที อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่เราจมกับความสับสนและกระวนกระวายกับเอกสารต่างๆ นั้น มันเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่อีกช่วงหนึ่งของชีวิตอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความรักจากครอบครัว สามี และเพื่อน ช่วยฉุดเราจากพะวงนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรักและกำลังใจที่เรามีให้กับตัวเอง มันเป็นพลังเงียบที่ทรงพลังมากที่สุด บางคนแพ้ความคิดของตัวเองและเลือกที่จะจบมันอย่างเงียบๆ คนเดียว แต่อีกหลายคนก็ผ่านพ้นมันมาได้และมีพลังงานเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ในเมื่อเราผ่านมันมาได้ เราก็อยากส่งกำลังใจให้เพื่อนๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการรอคอยให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้เช่นกัน

อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะงงว่า "แล้วเธอกำลังรออะไรอยู่เหรอ อยากรู้" ขอบอกอย่างไม่อายว่ารอเอกสารขอมีถิ่นอยู่อาศัยในประเทศออสเตรียหลังจากแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นคนออสเตรีย แต่ละขั้นตอนตั้งแต่จดทะเบียนจนถึงขอมีถิ่นที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายนั้น ใช้เวลาประมาณ 1 ปีกว่า บางคนอาจจะคิดว่า ทำไมนานจัง? คนอื่นก็ใช้เวลาประมาณนี้แหละ! จะยังไงก็แล้วแต่ สำหรับเราแล้วมันผิดแผนมากๆ เพราะทุกขั้นตอนใช้เวลาในการพิจารณา และไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ทำได้แค่คอยติดตามโดยการโทรสอบถามเป็นระยะ มันเป็นอะไรที่ทรมานใจเรากับสามีมากเพราะหลังจากจดทะเบียนสมรสเราก็ต้องแยกกัน สามีต้องเดินเอกสารให้เราจากออสเตรีย และส่งต่อมาให้เราเดินเอกสารต่อที่ประเทศไทย อยากบอกคู่รักต่างชาติที่กำลังตัดสินใจแต่งงานว่า อย่าลืมคำนึงถึงขั้นตอนทางกฎหมายให้ครบถ้วน และสอบถามขั้นตอนการดำเนินการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแต่ละประเทศจะมีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน อีกทั้งในระดับเขตการปกครองของประเทศเดียวกันยังมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันอีกด้วย ประมาณว่า ไม่มีใครเป็นกรณีศึกษาของใครได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณและคู่ของคุณเท่านั้นที่ต้องค้นคว้าหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด ตลอดจนเตรียมสภาพจิตใจเกี่ยวกับการรอคอยในแต่ละขั้นตอน และเตรียมทุนไว้ให้พร้อมเพราะทุกขั้นตอนใช้เงินไม่น้อยเลย

เอาเป็นว่า อย่าไปกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ใครมีข้อมูลสำหรับเตรียมความพร้อมมากกว่าย่อมได้เปรียบ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เป็นคนที่ได้เปรียบในครั้งนี้ แต่ประสบการณ์ที่ได้รับมันทำให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า ในอนาคตเราต้องเตรียมตัวอย่างไร เพราะเรื่องราวของเอกสารจะไม่จบแค่นี้แน่นอน และจะไม่ใช่เอกสารของเราคนเดียวอีกต่อไปหากคุณมีลูก หย่าร้าง หรือ มีการสูญเสียเกิดขึ้น อะไรก็เกิดขึ้นได้กับชีวิตคนคนนึง บนโลกกลมๆ ใบนี้

มาเริ่มที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเอกสารในขั้นตอนการจดทะเบียนจนถึงขอมีถิ่นที่อยู่อาศัย

1. การจดทะเบียนสมรส
  • "อำเภอ" ขอแนะนำให้ตกลงกันระหว่างคู่ของคุณก่อนว่าหลังจากแต่งงานแล้วจะอยู่ที่ไหนเพราะ บางประเทศไม่รับรองการจดทะเบียนที่ไทย บางประเทศรับรองและสามารถดำเนินการด้านเอกสารต่อได้ในประเทศปลายทาง อย่างไรก็ตามเอกสารสำหรับจดทะเบียนกับต่างชาติไม่ว่าจะจดทะเบียนในประเทศไทย หรือ ต่างประเทศก็คือ ใบรับรองความเป็นโสด, ใบแจ้งเกิด (ฉบับจริง ถ้าไม่มีต้องขอคัดสำเนาที่อำเภอ), สำเนาทะเบียนบ้าน (แนะนำให้คัดจากอำเภอเพราะบางสถานฑูตไม่รับฉบับถ่ายเอกสาร), สำเนาหนังสือเดินทาง (ดำเนินการที่กรมกงศุล) และแบบคำร้องขอจดทะเบียน (แต่งที่ประเทศไหนก็ขอแบบคำร้องจากอำเภอในประเทศนั้น กรณีจดทะเบียนที่ประเทศไทยจะจดทะเบียนที่อำเภอไหนก็ได้ แต่สำหรับต่างประเทศกำหนดให้ขอแบบคำร้องจากอำเภอที่มีที่อยู่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน)
  • "กรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ" เอกสารทุกอย่างที่ออกโดยหน่วยงานไทยและต้องการนำไปใช้ในต่างประเทศต้องผ่านการรับรองจากกรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ เช่นเดียวกับเอกสารจากต่างประเทศจะนำมาใช้ในประเทศไทยได้นั้นต้องให้กระทรวงต่างประเทศของประเทศนั้นๆ รับรองก่อน 
  • "สถานฑูต" สถานฑูตไทยประจำประเทศต้นทางเอกสาร หรือ สถานฑูตต่างประเทศต้นทางเอกสารประจำประเทศไทย จะเป็นหน่วยงานรับรองอีกครั้งต่อจากกรมกงศุล โดยมีข้อควรพึงระวังในกรณีที่เอกสารนั้นไม่ใช่ภาษาราชการของประเทศปลายทางที่ต้องการยื่นเอกสาร ต้องนำไปแปลเป็นภาษาราชการของประเทศนั้นๆ โดยนักแปลที่ได้รับอนุญาตจากสถานฑูต ทั้งนี้ บางประเทศยินยอมให้เจ้าของเอกสารทำการแปลด้วยตัวเองได้ แต่แนะนำให้ใช้บริการนักแปลจะดีกว่าเพราะระเบียบ กติกา มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณอาจจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์และมีความเสี่ยงในความถูกต้องของเอกสารนั้น
2. การขอมีถิ่นที่อยู่อาศัย หลังจดทะเบียนสมรสแล้ว
  • ขอคำร้องจาก "อำเภอ" ที่ประเทศที่ท่านต้องการจะไปอยู่ ซึ่งเราได้เน้นแล้วว่า ให้ตกลงตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนสมรส หากท่านต้องการอยู่ที่ไหนหลังแต่งงานก็แนะนำให้จดทะเบียนที่นั่น และขอแบบคำร้องขอมีถิ่นที่อยู่อาศัย ณ อำเภอที่คู่ของท่านอาศัยอยู่ ทั้งนี้เอกสารแนบแบบคำขอเข้าใจว่ามีความแตกต่างกันอย่างแน่นอนสำหรับแต่ละประเทศ แต่สิ่งที่สำคัญที่ต้องใช้อย่างแน่นอนก็คือ เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น หลังจากได้ใบทะเบียนสมรสที่ผ่านการรับรองจากกรมกงศุลและสถานฑูตแล้ว ท่านต้องแจ้งขอเปลี่ยนแปลงสถานะครอบครัว ณ อำเภอที่ท่านมีชื่อในทะเบียนบ้าน เพื่อทำการแก้ไขข้อมูลในระบบทะเบียนราษฎร์ เช่น แต่งงานแล้วกับนายX ที่ประเทศY วันที่*** และมีความประสงค์ขอใช้คำนำหน้านาง, ขอจดชื่อกลาง และคงนามสกุลเดิม, ขอเปลี่ยนชื่อนามสกุล, ขอแก้ไขชื่อและนามสกุลในทะเบียนบ้าน และขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่
  • จากนั้นก็นำเอกสารไปรับรองที่ "กรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ" และขอทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ และยื่นคำร้องขอมีถิ่นที่อยู่อาศัยที่ "สถานฑูต" พร้อมทั้งขอรับรองเอกสารตามรายการในแบบคำขอนั้น 
  • สำหรับผู้ที่ยื่นขอมีถิ่นที่อยู่อาศัยแบบสามารถทำงานได้ในคราวเดียวกัน ท่านต้องไปขอใบรับรองความประพฤติจาก "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ทั้งนี้ เมื่อได้รับเอกสารแล้วต้องนำไปรับรองเอกสารที่ "กรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ" และ "สถานฑูต" ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีเอกสารประกันชีวิตแบบสากล และเอกสารของคู่สมรส เช่น เอกสารรับรองการทำงาน, ประวัติเงินเดือน, เอกสารแสดงที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน เป็นต้น
3. ของฝากจากกรมกงศุล 

เนื่องจากเราได้ไปติดต่อทำพาสปอร์ตที่กรมกงศุล จ.สงขลา เห็นข้อมูลติดบอร์ดน่าสนใจ เลยถ่ายรูปมาฝาก :) ของฝากอีกอย่างก็คือ แอฟพลิเคชั่น ThaiConsular เป็นแอฟพลิเคชั่นที่จัดทำโดยกรมกงศุล แนะนำว่าโหลดติดมือถือไว้เถอะ อุ่นใจมากเวลาเดินทาง เพราะมีข้อมูลข่าวสารและช่องทางติดต่อสถานฑูตหากเกิดเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำพาสปอร์ต การรับรองเอกสารในกรณีต่างๆ การมอบอำนาจ และอีกมากมายที่เป็นประโยชน์กับทุกคนที่อยู่ต่างแดน



จะเห็นได้ว่าขั้นตอนต่างๆ นี้ค่อนข้างซับซ้อนเพราะแต่ละประเทศมีข้อตกลงในขั้นตอนวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกัน แต่ก็มีข้อปฏิบัติร่วมกันระหว่างประเทศ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลและสอบถามข้อมูลด้วยตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อีกทั้งการศึกษาภาษาราชการของประเทศที่เราจะไปอยู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเริ่มต้นใช้ชีวิตในต่างประเทศ อยากให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตในต่างถิ่น ต่างแดน ต่างภาษาและวัฒนธรรม แต่ถ้าเราสามารถทะลายกำแพงภาษาลงได้ ความแตกต่างนั้นจะเป็นการเปิดโอกาสให้ท่านได้ใช้ชีวิตในอนาคต ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ

Comments

Popular posts from this blog

(3) Talad Thai ตลาดไทยในเวียนนา

ในที่สุดก็มีเวลามานั่งเขียนอีกครั้ง หลังจากช็อคกับคอร์สเรียนภาษาเยอรมันหลักสูตรเร่งรัดของที่นี่ (ครูสอนเป็นภาษาเยอรมัน หนังสือเรียนเป็นภาษาเยอรมัน แต่ถ้าสื่อสารกันไม่ได้แล้วครูจะอนุญาตให้พูดภาษาอังกฤษได้) วันนี้เป็นวันสุดท้ายของคอร์สแรก และเริ่มเรียนคอร์สต่อไปวันจันทร์ คราวนี้ดีหน่อยเราจองเวลาเรียนใหม่เป็นช่วงบ่ายสามถึงหกโมงเย็น ไม่ต้องเรียนรอบค่ำแล้ว เย้! แต่สิ่งที่เศร้าคือ เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาต้องแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตัวเองก่อน แล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ ส่วนเรามีเวลาไม่มากนักเลยเริ่มเรียนก่อนคนอื่น แต่ยังไงซะเราก็ยังติดต่อกันอยู่ และแน่นอนว่าเราจะได้เจอกันอีก อยากรู้มั๊ยว่าทำไมพวกเราถึงมาเรียนภาษาเยอรมันที่นี่! หลายคนคงรู้คำตอบบ้างแล้ว มันเป็นละครชีวิต และมีหลากหลายเรื่องราว เมื่อคืนเราได้คำตอบที่ชัดเจนหลังจากได้โอกาสออกไปดื่มหลังเลิกเรียนกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน (น่าเสียดายที่เพื่อนบางคนถอนใจเลิกเริียนกลางคัน ทำให้วันนี้ขาดสมาชิกไป 2 คน เหลือแค่ 7 คน; จีน 1ญ, ไทย 1ญ, ออสเตรเลีย 1ช, อิตาลี 1ญ 2ช, และแอลเบเนีย 1ช) ให้กับตัวเองในคำถามนั้น "พวกเรามาที่นี่เพื่อหาโอกาสในการทำงาน...

(2) Fresh markets in Vienna! สำรวจตลาดสดในเวียนนา!

ครั้งนี้ เราจะพาเที่ยวตลาดสดในเวียนนา แต่ขอออกตัวก่อนนะว่า ยังไปไม่กี่ที่เลย เนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้าหนาว ตลาดสดจึงไม่ค่อยครึกครื้นเท่าไหร่นัก จุดเด่นของตลาดสดที่นี่ (ความเห็นจากคนใกล้ตัว) คือ ราคาถูกกว่าในซุปเปอร์มาเก็ต แต่คุณภาพไม่ต่างกัน และบางอย่างมีความสดใหม่มากกว่าด้วยซ้ำถ้าไปจับจ่ายซื้อของถูกเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ ช่วงเช้าวันเสาร์ เนื่องจากเกษตรกรจะนำสินค้ามาส่งขายในตลาดในวันดังกล่าว และแน่นอนว่าวันเสาร์เป็นวันที่ตลาดคึกคักที่สุด ความน่าสนใจของตลาดสดในเวียนนาในความเห็นของเราคือ ความหลากหลายของสินค้าตามเชื้อชาติ เนื่องจากเวียนนาเป็นเมืองหลวงที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ อาทิ ตุรกี แอฟริกัน จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น และไทย เป็นต้น ชาวตุรกีตั้งรกรากที่นี่มานานนับร้อยปี (ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ยุโรป ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อนนะแล้วค่อยเอามาเล่าให้ฟัง) ส่วนชาวแอฟริกันเข้ามาทำงานและตั้งรกรากในยุกต์บุกเบิกด้านอุตสาหกรรมในยุโรปซึ่งช่วงนั้นออสเตรียมีแรงงานน้อยจึงต้องการแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ในส่วนของชาวจีน เวียนดนาม ญี่ปุ่น และไทย นั้น เราเดาจากจำนวนร้านอาหารเอเชียที่มีอยู่ท...

(10) สินค้าอะไรที่หาซื้อง่ายและมีตู้อัตโนมัติบริการเกือบทุกซอกซอยในเวียนนา เฉลย "บุหรี่" นั่นเอง

หลังจากห่างหายกันไปนานแรมปี มาเริ่มต้นบทความแรกของปี 2018 ด้วยบุหรี่กันเถอะ ทำไมต้องเป็นหัวข้อนี้ ก็เพราะตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรก สิ่งที่เหมือนเดิมคือ รสนิยมการสูบบุรี่ของชาวออสเตรียในเวียนนาที่มากี่ครั้งก็คุ้นเคยกับสิ่งนี้ จึงอยากนำมาเล่า จะได้ไม่ตกใจกันเวลามาเที่ยวที่นี่ แต่ก็อาจจะถูกจริตกับสิงห์อมควันบ้านเราก็เป็นได้ (ปล. ผู้เขียนไม่มีเจตนาที่จะส่งเสริม หรือสนับสนุนการสูบบุหรี่แต่อย่างใด) ความประทับใจเกี่ยวกับรสนิยมการสูบบุหรี่ของหนุ่มสาวออสเตรียนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกในการเดินทางมาเวียนนา เพราะคนใกล้ตัว (สามีและเพื่อนออสเตรีย) เกือบ 99% สูบบุหรี่ เพราะฉะนั้น เมื่ออยู่ที่นี่ไปซักพัก สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นสิ่งที่คุ้นตาและพบได้ทั่วไป แม้กระทั่งในร้านอาหาร ทั้งนี้ การสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ หรือดื่มไวน์ เบียร์ ล้วนเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวยุโรป ที่ตกทอดกันมาจนถึงปัจจุบันและแผ่ขยายไปในหลายประเทศ ดังนั้น ใครที่ไม่ชอบกลิ่นบุรี่ก็ต้องสำรวจพื้นที่กันก่อนว่า ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ นั้นๆ มีจัดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่หรือไม่ ขอเน้นไปที่ร้านท้องถิ่นนะ เพราะถ้าเป็นร้านที่ให้บริการนักท่องเที่ยว ส่...